Thursday, October 05, 2006

เพลงยาวบัตรสนเทห์ ของพระยามหามนตรี (ทรัพย์)

เพลงยาวบัตรสนเท่ห์แต่งว่าจมื่นราชามาตย์

มิเสียทีที่เขามีวาสนา
แต่เห็นเห็นที่เขาเป็นขุนนางมา
ไม่เหมือนราชามาตย์ในชาตินี้
ประกอบหมดยศศักดิ์และทรัพย์สิน
เจ๊กจีนกลัวกว่าราชาเศรษฐี
เมื่อชาติก่อนได้พรของหลวงชี
จึงมั่งมีดูอัศจรรย์ครัน
เขาชมบุญเรียกเจ้าคุณราชามาตย์
แต่ร้ายกาจเกือบยักษ์มักกะสัน
ลงนั่งยังนาวาเหมือนชาละวัน
ขึ้นบกตกมันเหมือนสิงห์ทอง
จะเข้าวังตั้งโห่เสียสามหน
ตรวจพลอึกทึกกึกก้อง
ห่อผ้ากาน้ำมีพานรอง
หอกสมุดชุดกล้องร่มค้างคาว
นุ่งปูมเขมรใหม่วิไลเหลือ
สวมเสื้อได้ประทานห่มส่านขาว
ลงจากหอกลางหางหงส์ยาว
เมียชมว่างามราวกับนายโรง
ช่างหมดจดงดงามถึงสามอย่าง
จะได้วางกิริยาก็อ่าโถง
แต่ใจโตกว่าตับคับซี่โครง
เมื่อเดินโคลงโยกย้ายหลายทำนอง
ถนนกว้างสี่วามาไม่ได้
กีดหัวไหล่ไกว่แขนให้ขัดข้อง
พวกหัวไม้เห็นกลัวหนังหัวพอง
ยกสองมือกราบอกราบดิน
ด้วยอำนาจราชศักดิ์นั้นหนักหนา
ถ้าเข้าคาแล้วแต่ล้วนเป็นสัตย์สิ้น
มีทหารชาญไชยใจทมิฬ
ดังจะกินเนื้อมนุษย์สุดพิภพ
ไชยภักดี ว่าที่ขุนต่างใจ
ทั้งนอกในไวเวรก็เจนจบ
ศรีสังหาร พนักงานจำการครบ
แสนใจรบ รับเรียกค่าฤชา
ทั้งสามนายยอมตายในใต้ท้าว
มิเสียทีมีบ่าวคราววาสนา
เคยเชื่อใจไว้วางต่างหูตา
รู้อัธยาอาศัยน้ำใจนาย
หยุดที่ทิมกรมวังนั่งสูบกล้อง
ดูทำนองกรุ้งกริ่งหยิ่งใจหาย
พวกลูกความตามหมอบเทียวยอบกาย
กลัวกว่าพระยานายบ้านเมืองดี
หมอจีนดูไว้ในตำรา
ดวงชะตาขึ้นเมษราศี
คงจะถึงพานทองในสองปี
ถ้าเต็มทีผิดคาด ราชรองเมือง
ข่าวนอกพูดกันขันเต็มที
ว่ากลางคืนรัศมีสีเนื้อเหลือง
ดูในเรือนเหมือนแสงแมงคาเรือง
คนลื่อเลื่องพูดมากปากวัดวา
พระยาบำเรอบริรักษ์ได้ซักถาม
ว่าเดิมความโด่งดังขึ้นวังหน้า
สมภารวัดลิงขบคบภรรยา
ไปพูดจากันที่วัดน่าอัศจรรย์
ครั้นพิเคราะห์ดูความเห็นงามแน่
ชนชาวแพโรงเหล้าเหล่าบางยี่ขัน
ต่างนิยมชมชื่นตื่นกันครัน
ว่าเหมือนพระพิมพ์สวรรค์ผู้รุ่งฟ้า
ช่างสมบูรณ์ทั้งท่านคุณผู้หญิงใหญ่
งามลักษณวิไลดังเลขา
งามละม้ายคล้ายแสงสุริยา
เทวดาดลใจจึงได้กัน
หม่อมชาวเมืองสุรินทร์ชื่อสิลลา
เป็นเทือกเถาเหล่าพระยาขุขันธ์
หม่อมทับทิมเดนเลือกเทือกรามัญ
หม่อมลูกจันทน์เป็นลาวชาวอัตปือ
ตกลงมาอยู่กรุงพุงโรป่อง
แต่ลงท้องตาลอยอยู่น้อยหรือ
รอดด้วยยาเข้าอึ่งกับกึ่งกือ
พึ่งจะรื้อจากไข้ได้สามเดือน
ซื่อสัตย์สุจริตสนิทสนม
คุณชายชมหนักหนาหาไม่เหมือน
โปรดให้เป็นที่สองรองแม่เรือน
ได้ตักเตือนดูแลแม่น้อยน้อย
ให้คลานศอกคลานเข่าจนเคล่าคล่อง
ถูกทำนองนางในไว้ใช้สอย
พนักงานของใครก็ใครคอย
ได้ระเบียบเรียบร้อยทั้งถ้อยคำ
เวลาเจ้าคุณออกจากที่เฝ้า
ให้ร้องเรื่องอิเหนาเมื่อเข้าถ้ำ
ฝ่ายหม่อมที่คะนองร้องลำนำ
จนท้องน้ำเลื่องลือระบือชา
นั่งอวดสบเสียให้เมียกลัว
เกิดเป็นตัวกูนี้มีวาสนา
เครื่องเสวยคาวหวานประทานมา
กินหน้าหน้าเลื่องลือออกอื้ออึง
ฝ่ายหม่อมภรรยาบรรดานั่ง
ครั้นได้ฟังกลัวขลาดไม่อาจหึง
อีสาวสาวเหล่าพวกช่างสะดึง
มันกีดอยู่นิดหนึ่งดอกกระมัง
คิดว่าจะให้หัดมโหรี
เด็กเด็กเสียงดีมีอยู่บ้าง
ถึงวันพระไม่ได้ชำระความในวัง
ออกมานั่งหอนอกออกแขกเมือง
พวกทหารเรียนรายของกำนัล
เจ็กนั่นจีนนี่มีหลายเรื่อง
เฮ้ยบ่าวอุปราชใครขาดเคือง
พวกหัวเมืองขัดสนขนไปกิน
ปลูกเรือนเหมือนกับถวายฎีกา
นึกคอยวาสนาเมื่อหน้ากฐิน
ปัญญาท่านแทงลอดตลอดดิน
ควรจะภิญโญยศปรากฏไป
คนนอกพูดกันนั้นไม่เห็น
เมื่อครั้งเป็นนายทองปานท่านสงสัย
ข้าพเจ้าได้ส่องกล้องเป่าไฟ
ไม่ใกล้ไกลดอกกลัวฝากตัวเอยฯ

No comments: